5 เทคนิคการพิมพ์ลายผ้าที่เป็นที่นิยม
วันนี้เรามีบทความดีๆ มาแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตเสื้อผ้า เสื้อยืด เสื้อกีฬา เสื้อแฟชั่น สินค้าพรีเมียม ฯลฯ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าควรใช้เทคนิคไหนถึงจะเหมาะกับเสื้อผ้าหรือลายที่เราออกแบบมา เราเลยจะแนะนำ 5 วิธีการพิมพ์ลายผ้าให้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ เลือกเทคนิค ให้ลายหรือรูปภาพที่เราออกแบบมาเหมาะกับผลงานของเรามากที่สุดกัน
1.Silk Screen คือ เป็นระบบการพิมพ์ที่ใช้หลักการปาดสีหมึกพิมพ์ ผ่านผ้าที่ขึงตึงบนกรอบที่ทำขึ้นโดยปิดและเปิดบริเวณรูผ้าสกรีนให้มีลายภาพตามความต้องการ
ขั้นตอนการทำงาน : เริ่มต้นหลังจากที่เราได้ลายที่ต้องการ ที่จะสกรีนจะลงบนวัสดุ เริ่มที่การปาดหมึกลงบนบล็อกที่ทำขึ้นมาเพื่อให้สีติดลงบนพื้นผ้า (การสร้างบล็อกขึ้นมาต่อ 1 สี ที่ต้องการพิมพ์ ตามลายของเราลงไป ยิ่งมีสีเยอะ จำนวนของบล็อกจะเพิ่มตามจำนวนสี) หลังจากการปาดสีลงบนตัวผ้า จะต้องนำมาผ่านความร้อนเพื่อให้การดูดซึมของหมึกแห้งได้ไวขึ้น ชนิดของสีสำหรับน้ำมาสกรีนมีให้เลือกหลายชนิด เช่น สีลอย สีจม สีนู้น ฯลฯ จะให้สัมผัสที่แตกต่างกันออกไป
ผ้า : สามารถพิมพ์ได้บนผ้าทุกชนิด รวมถึงวัสดุต่างๆ เช่น พิมพ์กสรีนลงบนไม้ พลาสติคแทบทุกประเภท และอื่นๆ
จุดเด่น : ให้สีที่สดใส และติดทนแต่ไม่เน้นความละเอียดสูง ติดทนนานกว่างานพิมพ์ประเภทอื่นๆ ขนาดของลายพิมพ์ไม่จำกัด แต่ต้องใช้บล็อคขนาดใหญ่ เหมาะกับการสกรีนในจำนวนมากๆ เนื่องจากต้องมีการขึ้นบล็อก จำนวนของชิ้นงานควรจะมากตามไปด้วย
2. Digital Screen Transfer หรือ Digital Flim transfer (DFT)
(ไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ) คือ เทคโนโลยีการพิมพ์ล่าสุดที่เพิ่งออกมาไม่นานและได้รับความนิยมสูงสุดในตอนนี้ ก็คือเครื่องพิมพ์ระบบฟิล์มทรานเฟอร์
ขั้นตอนการทำงาน : พิมพ์ลายที่ต้องการลงบนแผ่นฟิล์ม แล้วโรยด้วยผงกาว และนำมาอบให้ความร้อน เพื่อให้กาวละลายติดฟิล์ม หลังจากได้ชิ้นงานมาแล้ว สามารถนำไปรีดด้วยความร้อนลงบนผ้า (Heat Transfer) หรือ วัสดุที่ต้องการได้เลย
ผ้า : รองรับทุกชนิดผ้าและผ้าทุกสี
จุดเด่น : ไม่มีข้อจำกัดเรื่องสี หรือลายกราฟฟิกในการพิมพ์ ใช้เวลาในการผลิตรวดเร็ว และง่าย สามารถพิมพ์ได้ตาม
ขนาดที่ต้องการ ความยาวไม่จำกัด ต้นทุนในการสั่งผลิตถูก
3. Flex Transfer
คือ มีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์ม (เหมือนสติกเกอร์) ที่ต้องใช้งานร่วมกับเครื่องรีดความร้อน และเครื่องตัดสติกเกอร์ ซึ่งในท้องตลาดนั้นจะเห็นอยู่บนเสื้อผ้าของนักกีฬา